วิธีออมเงินให้ลูกให้คุ้มค่าระยะยาว
- ตั้งเป้าหมายและความสำคัญของการออมเงินให้ลูก
- เลือกวิธีออมเงินให้ลูก
- เริ่มออมเงินให้ลูกตอนไหนดี
- วิธีออมเงินให้ลูกที่คุ้มค่า ได้ผลตอบแทนดี
การมีลูกเป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตของพ่อแม่ทุกคน เพราะนอกจากจะมีสมาชิกครอบครัวตัวน้อยเพิ่มขึ้นมา คนเป็นพ่อและแม่เองก็จะให้ความสำคัญกับลูกเป็นอันดับแรก การออมเงินให้ลูกก็เป็นอีกเป้าหมายการวางแผนการเงินของครอบครัวที่พ่อแม่ทุกคนวาดฝันไว้และอยากทำให้สำเร็จ
เพราะใครๆ ก็อยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูก เดี๋ยววันนี้พี่หมีจะแนะนำตั้งแต่แนวคิดการออมเงินให้ลูก รวมถึงเครื่องมือทางการเงินที่จะช่วยให้เพื่อนๆ บรรลุเป้าหมาย มาเริ่มกันเลยครับ
ตั้งเป้าหมายและความสำคัญของการออมเงินให้ลูก
ออมเงินไว้ให้ลูก ถ้าสิ่งนี้คือเป้าหมาย พี่หมีแนะนำให้ขยายความก่อนครับ เริ่มจากคำถามที่ว่า ออมให้ลูกเพื่ออะไร เพื่อการศึกษา เพื่อสนับสนุนลูกให้ตามความฝันของเขา เพื่อเป็นเงินทุนให้เขาตั้งตัวได้หลักเรียนจบ ฯลฯ
พอได้เป้าหมายเหล่านั้นมาแล้ว ก็จัดลำดับตามความสำคัญ โดยอิงจากความเสี่ยงและระยะเวลาที่ต้องออมเงิน ลองดูตัวอย่างด้านล่างนี้ดูครับ
- เงินออมสำรองฉุกเฉินสำหรับลูก เผื่อเหตุไม่คาดฝันหรือมีค่าใช้จ่ายกระทันหันอื่นๆ
- เงินออมเพื่อการศึกษา เช่น ค่าเล่าเรียนโรงเรียนมัธยม ปริญญาตรี หรือ สูงกว่านั้น
- เงินออมเพื่อให้ลูกเป็นของขวัญหลังเรียนจบ
ในที่นี้ พี่หมีจะให้ความสำคัญกับเงินออมสำรองฉุกเฉินก่อน เพื่อปิดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเป็นการออมที่ไม่ได้ใช้ระยะเวลานาน จากนั้นจะเป็นเรื่องของการศึกษา เพราะเป็นรากฐานสำคัญของอนาคตลูก และเป็นการออมระยะยาว และท้ายสุดคือเงินก้อนที่เป็นของขวัญ เพราะเป็นเรื่องของความต้องการ (Wants) มากซะกว่าความจำเป็น (Needs)

เลือกวิธีออมเงินให้ลูก
พอรู้แล้วว่าต้องการอะไร ขั้นตอนต่อไป เราก็จะมาหาเครื่องมือที่จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมาย
เป้าหมาย | ระยะเวลา | ตัวเลือกเครื่องมือทางการเงิน |
---|---|---|
เงินออมสำรองฉุกเฉิน | สั้น |
|
เงินออมเพื่อการศึกษา | ปานกลาง - ยาว |
|
เงินออมเพื่อให้ลูกเป็นของขวัญหลังเรียนจบ | ยาว |
|
จะเห็นได้ว่าเครื่องมือทางการเงินก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและระยะเวลา อย่างเงินออมสำรองฉุกเฉิน เนื่องจากเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด วิธีออมเงินที่พี่หมีแนะนำก็จะเป็นพวกบัญชีฝากประจำหรือปลอดภาษี เพราะมีความเสี่ยงน้อย และเป็นการออมระยะสั้น
ส่วนเงินออมเพื่อการศึกษาจะจัดให้อยู่ในกลุ่มการออมระยะปานกลางถึงยาว เพราะพ่อแม่ยังมีเวลาในการเตรียมตัว และการศึกษาก็ยังแบ่งออกเป็นหลายระดับชั้น ดังนั้น เพื่อนๆ อาจใช้วิธีการซื้อกองทุน หุ้น หรือประกันออมทรัพย์ไว้ยาวๆ เช่น สมมติลูกเรียนอยู่ชั้นอนุบาล ก็อาจซื้อกองทุนไว้เรื่อยๆ และเมื่อลูกเข้ามหาลัย ก็ค่อยนำเงินตรงนั้นมาเป็นทุนการศึกษาให้ลูกครับ
ในที่นี้ เงินออมเพื่อให้ลูกเป็นของขวัญหลังเรียนจบไม่ใช่เป้าหมายที่สำคัญที่สุด พี่หมีจึงจัดให้เป็นการออมระยะยาวไป โดยเลือกการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความมั่นคงและความเสี่ยงต่ำ หรือประกันออมทรัพย์ที่จะได้ผลตอบแทนเมื่อครบกำหนด

เริ่มออมเงินให้ลูกตอนไหนดี
เร็วที่สุดครับ ยิ่งก่อนลูกเกิดได้ก็ยิ่งดี บางคนอาจคิดว่าเดี๋ยวรอลูกเกิดมาก่อน หรือรอให้ลูกโตกว่านี้สักนิดค่อยเก็บเงินก็ได้ ซึ่งพี่หมีอยากจะบอกว่าเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นการออมเพื่อลูกหรือออมเพื่อตัวเองในวันเกษียณ สิ่งที่มีผลที่สุดคือ เวลา ครับ
ลองคิดดูเล่นๆ นะครับ สมมติอยากเก็บเงินเป็นทุนการศึกษาให้ลูกเข้ามหาวิทยาลัย แล้วเริ่มเก็บเงินให้ลูกตั้งแต่วันแรกที่เขาเกิด เริ่มที่เดือนละ 1,000 บาท
นำเงินนี้ไปลงทุนในหุ้นที่มีผลตอบแทน 8% ต่อปี ผ่านไป 18 ปี เพื่อนๆ จะมีเงินเป็นทุนการศึกษาให้ลูกถึง 449,402.92 บาท [1] นี่เก็บแค่เดือนละ 1,000 บาท นะครับ ลองนึกดูว่าถ้าเก็บเยอะกว่านั้นสัก 2-3 เท่า มีเงินล้านให้ลูกเรียนได้แบบสบายๆ
วิธีออมเงินให้ลูกที่คุ้มค่า ได้ผลตอบแทนดี
สำหรับเพื่อนๆ บางคนที่ไม่ถนัดการลงทุนในหุ้น กองทุนรวม ตราสารหนี้ หรือกลัวว่าตัวเองจะไม่มีวินัยมากพอถ้าเอาเงินไปฝากบัญชี พี่หมีแนะนำประกันสะสมทรัพย์เลยครับ เพราะนอกจากจะเป็นประกันที่คุ้มครองชีวิต ยังช่วยสร้างวินัยการออม มีผลตอบแทนที่ชัดเจน แถมยังลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย เหมาะกับการออมระยะยาว เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูกเป็นอย่างยิ่ง
อ่านเพิ่มเติม : ข้อดีของประกันชีวิตดีอย่างไร
ถ้าเพื่อนๆ สนใจ พี่หมีก็มีตัวเลือกประกันมาให้ครับ เพียงกดที่ปุ่มด้านล่าง ก็จะมีข้อเสนอประกันสะสมทรัพย์ดีๆ ให้เลือกเพียบ ก่อนจะซื้อก็อย่าลืมศึกษารายละเอียดให้ครบถ้วน และเลือกประกันที่เหมาะกับกำลังทรัพย์ตัวเอง ไม่กดดันจนเกินไปนะครับ
การออมเงินหรือการลงทุน สิ่งสำคัญไม่ใช่จำนวน หากแต่เป็นระยะเวลาและความสม่ำเสมอในการออมต่างหาก ที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก: [1]Bear Investor